NORWAY LOFOTEN 21-29 SEPTEMBER 2024
โลโฟเทน (LOFOTEN) เป็นกลุ่มเกาะและเขตในเทศมณฑลนูลัน ประเทศนอร์เวย์ ลูฟูเตินเป็นที่รู้จักจากการมีทิวทัศน์อันโดดเด่น มีภูเขาและยอดเขาที่สวยงาม ทะเลเปิดและอ่าวกำบัง ชายหาดและดินแดนที่ยังเข้าไม่ถึง แม้จะอยู่ในวงกลมอาร์กติก แต่กลุ่มเกาะก็ยังเป็นหนึ่งในที่ที่อุณหภูมิสูงที่สุดในโลกในเขตละติจูดสูง โปรแกรมท่องเที่ยว นอร์เวย์ - โลโฟเท่น | 9 วัน 6 คืน สถานที่น่าสนใจ 1. ซอมมารอยส์ (SOMMARØY / SOMMERØYA) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเทศบาลเมือง Tromsø ในเขต Troms ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรอมโซไปทางตะวันตกประมาณ 36 กิโลเมตร และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
2. ทรอมโซ (TROMSO) เป็นประตูสู่ความมหัศจรรย์แห่งอาร์กติก ตั้งอยู่ในใจกลางของอาร์กติก เป็นอัญมณีของนอร์เวย์ที่การผจญภัยมาบรรจบกับความงดงามของธรรมชาติที่น่าทึ่ง
3. ARCTIC CATHEDRAL โบสถ์รูปทรงสามเหลี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์ของเมือง เดินชมย่านเมืองเก่า ถ่ายรูปตามอัธยาศัย
4. นั่งเคเบิ้ลคาร์สู่ยอดเขาสโตรสไตเนิน (STORSTEINEN MOUNTAIN) เป็นยอดเขาสูงที่มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองทรอมโซและบริเวณใกล้เคียงที่มีลักษณะเป็นเกาะใหญ่แยกจากกันโดยมีร่องน้ำซึ่งเกิดจากการกัดเซาะตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง กลายเป็นฟยอร์ดอยู่โดยรอบ อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความประทับใจของเมืองทรอมโซจากมุมสูง
5. เมืองนาร์วิค (NARVIK) เมืองทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ที่แวดล้อมด้วยภูเขาและทะเลอันกว้างใหญ่ มีชื่อเสียงในเรื่องของพื้นที่การเล่นสกีที่มีความเป็นเอกลักษณ์ โดยสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมากในช่วงฤดูหนาว เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการดูแสงเหนือ พร้อมกับแนวชายฝั่งฟยอร์ดและวิวภูเขาที่รายล้อมเมืองอย่างสวยงาม อีกทั้งยังเป็นเมืองที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงได้เคยเสด็จประพาสอีกด้วย
6. หมู่เกาะลอฟโฟเทน (LOFOTEN ISLANDS) ตั้งอยู่ที่เมือง NORDLAND ประเทศนอร์เวย์ เป็นหมู่บ้านของชาวประมงที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาการหาปลาในช่วงฤดูหนาว และทำปลาตากแห้งส่งออกที่มีชื่อเสียง โด่งดังไปทั่วโลกเอกลักษณ์ที่สำคัญของหมู่เกาะแห่งนี้ก็คือ กระท่อมสีแดงแบบดั้งเดิม (RORBUER) ของชาวประมงที่กลายเป็นสีสันริมชายฝั่ง ที่ไม่ว่าใครได้มาเยือนก็ต้องถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกไปซะทุกราย เป็นหนึ่งในสถานที่สำหรับการดูแสงเหนือที่โรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของนอร์เวย์
7. HENNINGSVAER เป็นเมืองท่าและหมู่บ้านชาวประมงที่ปัจจุบัน ชาวบ้านยังคงประมงกันอยากคึกคัก เป็นอีกเมืองยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวต่างพากัน มาแวะเวียน ซึ่งจุดเด่นของเมืองนี้คือ บ้านชาวประมงสีแดง (RORBUER) ตั้งอยู่ริมทะเล มีอ่าวจอดเรือประมงเรียงรายอยู่มากมาย เป็นภาพที่สวยงามตัดกับวิวภูเขาที่ปกคลุม ไปด้วยหิมะในช่วงฤดูหนาว ถือเป็นภาพที่สวยงามไม่น้อย
8. พิพิธภัณฑ์ไวกิ้ง (LOFOTR VIKING MUSEUM) เนื่องจากบริเวณหมู่เกาะลอฟโฟเทน มีการค้นพบว่าเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวไวกิ้งในอดีต บนเกาะจึงมีพิพิธภัณฑ์ไวกิ้งที่แสดงเรื่องราวและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของชาวไวกิ้งไว้มากมาย ซึ่งรูปแบบพิพิธภัณฑ์ถูกออกแบบโดยใช้โครงเรือไวกิ้งโบราณและภายในได้จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้และเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวไวกิ้ง
9. LEKNES อีกหนึ่งเมืองสวยอันขึ้นชื่อของหมู่เกาะ LOFOTEN
10. SVOLVAER เป็นศูนย์กลางของการเดินทางแถบนี้ ที่นี่จึงเต็มไปด้วยร้านค้า, ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เรียกว่าคึกคักที่สุด วิวก็สวยงามแวดล้อมด้วยภูเขาและทะเล บ้านชาวประมงทาสีแดงแบบดั้งเดิมรวมถึงบ้านใหม่ๆ ที่สร้างล้อไปกับสถาปัตกรรมแบบเก่าก็ช่วยให้เมืองนี้ดูมีเสน่ห์มากเหลือเกิน ในช่วงกลางคืนนำท่านออกเดินทางเพื่อตามล่าแสงเหนือไปตามจุดมาร์ค ที่คาดว่าน่าจะสามารถมองเห็นแสงเหนืออย่างชัดเจน
11. สตัมซุนส์ (STAMSUND) นำท่าน สัมผัสประสบการณ์จับปูยักษ์ของเกาะโลโฟเตน (Crab Safari) โดยนั่งเรือ ตื่นตาตื่นใจกับการจับปูยักษ์ตัวเป็นๆให้ท่านได้ลองจับและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก กับกิจกรรมจับปูยักษ์นับเป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
12. หมู่บ้าน Å (Å VILLAGE) เป็นหมู่บ้านที่ได้ขึ้น ชื่อว่าสวยที่สุดบนหหมู่เกาะ LOFOTEN อันเป็นจุดสิ้นสุดของถนนสายหลัก E10 ซึ่งถือว่าเป็นหมู่บ้านที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยว
13. หมู่บ้านฮัมนอย (HAMNØY) หมู่บ้านชาวประมงที่เก่าแก่ที่สุดในหมู่เกาะ Lofoten มีขนาดเล็กแต่สวยงาม เป็นหมู่บ้านที่งดงามอีกแห่งในเขตเทศบาลเมืองโมสเคนเนสซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมเนื่องจากมีทัศนียภาพและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์
14. เมืองไรเน่ (REINE) อยู่ทางตอนใต้ของเกาะ ระหว่างสองข้างทางท่านจะได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติอันสวยงามแปลกตา ไปตามถนนสาย E10 ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักสายเดียวของหมู่เกาะลอฟโฟเทน นำท่านเดินทางผ่านถนนเส้นเล็กๆเชื่อต่อระหว่างเกาะเล็กเกาะน้อย ข้ามสะพานต่างๆ
15. MOSKENES FERRY นั่งเรือเฟอร์รี่สู่เมืองโบโดให้ท่านได้อิสระเต็มที่กับการเก็บภาพบรรยากาศของธรรมชาติฟยอร์ดแห่งนอร์เวย์ในระหว่างการล่องเรือสู่เมืองโบโด ฟยอร์ดแห่งเกาะโลโฟเทน เรียกได้ว่า เป็นเมืองฟยอร์ดที่สวยงามไม่แพ้ฟยอร์ดแห่งแผ่นดินใหญ่ของนอร์เวย์หากโชคดี ท่านอาจได้เห็นปลาโลมาว่ายน้ำเล่นตามเรือเฟอร์รี่ก็เป็นได้
16. เมืองโบโด (BODØ) เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการบริหารของเทศบาลโบโดและเขตนอร์ดแลนด์ ตั้งอยู่บนคาบสมุทรโบโด ระหว่าง Vestfjorden และ Saltfjorden โบโด ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอาร์กติกเซอร์เคิล เป็นเมืองและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตนอร์ดแลนด์ และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในนอร์เวย์เหนือ
17. พิพิธภัณฑ์การบิน NORWEGIAN AIR MUSEUM พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์การบินที่ใหญ่ที่สุดในสแกนดิเนเวีย นำเสนอประวัติศาสตร์การบินของนอร์เวย์และทั่วโลกได้อย่างสมบูรณ์แบบ พาคุณเดินทางจากความฝันในการบินยุคแรกเริ่มไปจนถึงท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่
18. ออสโล (OSLO) เป็นเมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ที่มีความสวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของโลกก็ว่าได้ แม้ว่าเมืองออสโลจะมีพื้นกว้างขวาง และ เป็นถึงศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศนอร์เวย์ แต่มีเพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ในเมืองออสเท่านั้น ที่ได้รับการพัฒนา ในส่วนของพื้นที่อีก 80 เปอร์เซ็นต์ จะเป็นพื้นที่สีเขียว เช่น สวนสาธารณะ, ภูเขา, ป่าสงวน และ ทะเลสาบอีกนักบร้อยแห่ง ด้วยเหตุนี้เอง สถานที่เที่ยวของเมืองออสโล จึงเน้นความสวยงามทางธรรมชาติ
19. VIGELAND SCULPTURE PARK ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยาน Frogner ซึ่งเป็นพื้นที่สวนสีเขียวบริเวณเขตที่อยู่ Frogner แหล่งรวมร้านค้าระดับไฮเอนด์ ร้านอาหารหรู และ อพาร์ตเมนต์ราคาแพงของเมืองออสโลนั่นเอง ซึ่งจุดเด่นของสวนแห่งนี้ อยู่ที่ประติมากรรมการแกะสลักรูปเหมือนจากหินแกรนิต ที่ถูกจัดแสดงไว้ ณ กลางสวนกว่า 200 ชิ้น ซึ่งทั้งหมดนี้
20. AKERSHUS FORTRESS ปราสาทแห่งนี้ ล้อมรอบไปด้วยป้อมปราการตลอดแนวชายฝั่ง ตั้งอยู่ติดกับทะเล อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากพระราชวัง Royal Palace อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ของกรุงออสโล
21. ศาลาว่าการกรุงออสโล (OSLO CITY HALL) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ขอบด้านตะวันออกของเมืองออสโล โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมในรูปแบบ Functionalism ที่ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมสไตล์คลาสสิครูปแบบใหม่ และสีอาคารสีอิฐแดงที่มองเห็นชัดเจนจากทางไกล ในส่วนของด้านในอาคารจะมีลักษณะเป็นห้องโถงกว้างขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยห้องต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ห้องประชุม ห้องทำงานส่วนราชการ และ ห้องเก็บผลงานศิลปะ และ วัตถุโบราณที่มีค่าของเมืองออสโล
22. KARL JOHANS GATE ถนนที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของเมืองออสโล ซึ่งเป็นถนนที่ลากยาวตั้งแต่สถานีรถไฟ Central Station (ตั้งอยู่สุดตะวันตกของเมืองออสโล) จนถึงพระราชวัง Royal Palace (ตั้งอยู่สุดตะวันออกของเมืองออสโล) เลยทีเดียว
|